ใช้ Redis เป็นแคชใน NodeJS: การเพิ่มประสิทธิภาพ

การใช้ Redis เป็นแคช NodeJS เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน แคชเป็นกลไกการจัดเก็บข้อมูลชั่วคราวที่ช่วยลดเวลาที่ใช้ในการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต้นฉบับ(เช่น ฐานข้อมูล) และปรับปรุงความเร็วในการตอบสนองของแอปพลิเคชัน

นี่คือขั้นตอนในการใช้ Redis เป็นแคชใน NodeJS แอปพลิเคชัน:

ขั้นตอนที่ 1: ติดตั้ง Redis ไลบรารี

ประการแรก คุณต้องติดตั้ง Redis ไลบรารีเพื่อ NodeJS ใช้ npm:

npm install redis

 

ขั้นตอนที่ 2: สร้างการเชื่อมต่อกับ Redis

ใน NodeJS รหัสของคุณ สร้างการเชื่อมต่อกับ Redis การใช้ไลบรารี่ที่ติดตั้ง:

const redis = require('redis');  
  
// Create a Redis connection  
const client = redis.createClient({  
  host: 'localhost', // Replace 'localhost' with the IP address of the Redis server if necessary  
  port: 6379, // Replace 6379 with the Redis port if necessary  
});  
  
// Listen for connection errors  
client.on('error',(err) => {  
  console.error('Error:', err);  
});  

 

ขั้นตอนที่ 3: ใช้ Redis เป็นแคช

หลังจากตั้งค่าการเชื่อมต่อแล้ว คุณสามารถใช้ Redis เป็นแคชเพื่อจัดเก็บและดึงข้อมูลได้

ตัวอย่างเช่น หากต้องการเก็บค่าไว้ใน Redis คุณสามารถใช้ set วิธี:

// Store a value in Redis for 10 seconds  
client.set('key', 'value', 'EX', 10,(err, reply) => {  
  if(err) {  
    console.error('Error:', err);  
  } else {  
    console.log('Stored:', reply);  
  }  
});  

ในการดึงค่าจาก Redis คุณสามารถใช้ get เมธอด:

// Retrieve a value from Redis  
client.get('key',(err, reply) => {  
  if(err) {  
    console.error('Error:', err);  
  } else {  
    console.log('Retrieved:', reply);  
  }  
});  

การใช้ Redis เป็นแคชช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของ NodeJS แอปพลิเคชันโดยลดเวลาในการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต้นฉบับและเพิ่มความเร็วในการตอบสนอง ปรับแต่งเวลาจัดเก็บข้อมูลชั่วคราวเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของแอปพลิเคชันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด