อัลกอริทึมการค้นหาแบบสุ่มคือวิธีการค้นหาโดยการสุ่มเลือกชุดโซลูชันจากพื้นที่ค้นหาและตรวจสอบว่าสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่ วิธีการนี้มักใช้เมื่อไม่มีข้อมูลหรือกลยุทธ์เฉพาะเพื่อเป็นแนวทางในการค้นหา
มันทำงานอย่างไร
- การเริ่มต้น: เริ่มต้นด้วยชุดโซลูชันเริ่มต้นที่สร้างขึ้นแบบสุ่ม
- การประเมิน: ประเมินคุณภาพของโซลูชันแต่ละรายการตามหน้าที่วัตถุประสงค์หรือเกณฑ์การประเมิน
- การเลือก: เลือกชุดย่อยของโซลูชันที่ดีที่สุดจากชุดตามความน่าจะเป็นหรือการเลือกแบบสุ่ม
- การทดสอบ: ทดสอบว่าโซลูชันที่เลือกสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่
- ทำซ้ำ: ทำซ้ำในขั้นตอนที่ 2 ถึง 4 จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจหรือถึงจำนวนการทำซ้ำที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ตัวอย่าง: การปรับ Fibonacci ฟังก์ชัน ให้เหมาะสม
พิจารณาปัญหาการหาค่าสูงสุดของ Fibonacci ฟังก์ชัน F(x) = F(x-1) + F(x-2) โดยที่ F(0) = 0, F(1) = 1 เราต้องการหาค่าของ x ซึ่ง F(x) ถูกขยายให้ใหญ่สุด วิธีการสุ่มค้นหาสามารถสุ่มเลือกค่า x คำนวณ Fibonacci ค่าที่ x แต่ละตัว และเลือกค่า x ที่ตรงกับ Fibonacci ค่าสูงสุดที่ได้
ตัวอย่างโค้ดในภาษา C++
#include <iostream>
#include <cstdlib>
#include <ctime>
int fibonacci(int n) {
if(n <= 0) return 0;
if(n == 1) return 1;
return fibonacci(n- 1) + fibonacci(n- 2);
}
int randomSearchFibonacci(int maxIterations) {
int bestX = 0;
int bestValue = 0;
srand(time(0));
for(int i = 0; i < maxIterations; ++i) {
int x = rand() % maxIterations;
int value = fibonacci(x);
if(value > bestValue) {
bestValue = value;
bestX = x;
}
}
return bestX;
}
int main() {
int maxIterations = 20;
int result = randomSearchFibonacci(maxIterations);
std::cout << "Optimal x for maximum Fibonacci value: " << result << std::endl;
return 0;
}
ในตัวอย่างนี้ เราใช้วิธี Random Search เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ Fibonacci ฟังก์ชัน เราสุ่มเลือกค่า x คำนวณ Fibonacci ค่าที่แต่ละ x จากนั้นเลือกค่า x ที่สอดคล้องกับ Fibonacci ค่าสูงสุดที่เราคำนวณไว้